Thai Student Association at The University of Arizona

มหาวิทยาลัยอริโซน่า


มหาวิทยาลัยอริโซน่า ตั้งอยู่ภายในตัวเมือง Tucson อ่านว่าทูซอนนะครับ เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่มากที่เดียว ใครที่อยากรู้รายละเอียด ก็สามารถเข้าไปที่เว็บของมหาวิยาลัยได้เลย จะไม่ขอเล่าในรายละเอียดก็แล้วกันครับ แต่อยากจะเล่าในแง่มุมต่างๆ ที่ผมได้พบก็แล้วกันนะคับ

Wild Cat เป็นชื่อของแมวป่าพื้นเมือง ในสมัยก่อน มีชุกชุมมากในเขตนี้ ดังนั้น เค้าจึงใช้เป็นทั้งชื่อเล่น แล้วก็เป็นทั้งสัญญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยไปด้วย เช่น บัตรนักศึกษา เรียกว่า Cat Card ใช้เป็นบัตรประจำตัวนักศึกษา ใช่เสียบในช่องสำหรับถ่ายเอกสาร (หน้าละ 0.1$ และต้องถ่ายเอง) ใช้ซื้ออาหารภายใน Student Union ได้ครับ และก็รถรับส่งของมหาวิทยาลัย ใช้ชื่อว่า Cat Tran ครับ

ก่อนอื่น เราก็มาดูเรื่องป้ายมหาวิทยาลัยกันก่อนครับ เห็น ป้ายชื่อมหาวิทยาลัยมี เท่าที่เห็นมีทั้งหมด 4 อันครับ ประจำอยู่ตามมุมของมหาวิทยาลัย สันนิฐานว่าเมื่อก่อน เขตมหาวิทยาลัยคงป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เค้าก็เลยทำป้ายไว้ที่มุมทุกมุม แต่ปัจจุบัน เขตมหาวิทยาลัยขยายตัวออกไปอีก แต่ป้ายคงเดิม

สังเกตว่าเป็นป้ายที่เล็กครับ น่าจะเป็นเพราะว่าเค้าคงไม่ค่อยสนใจประกาศศักดาของมหาวิทยาลัยด้วยป้ายชื่อมั้งคับ มีมุมนึง เสาไฟจราจรบังพอดีเลย ผมว่าก็ดีนะไปอีกอย่างนึงนะ เอาเงินไปเป็นทำวิจัย หรือไปเป็นเงินเดือนของอาจารย์และก็พนักงานทั้งหลายกันดีกว่า ว่ามั้ยครับ ตอนนี้ผมยังไม่มีรูปป้ายให้ดูนะคับ จะเอามาให้ดูกันอีกทึในภายหลัง (-_-')



ข้อสังเกตอีกอย่างนึงคือ เค้าไม่มีรั้วของมหาวิทยาลัยนะคับ ทุกตึกจะมีเลขบ้านเลขที่หมดเลย อย่างเช่นตึก MSE, ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Department of Materials Science and Engineering เวลาจ่าหน้าซองจดหมาย ก็เขียนเป็นบ้านเลขที่ แล้วก็ชื่อถนนเลย

ระบบเลขที่บ้านของที่นี่จะจัดเป็นกลุ่มครับ รู้แค่เลขที่บ้าน แล้วก็ชื่อถนน ก็จะรู้เลยว่าตำแหน่งของสถานที่นั้นๆ อยู่ที่ไหน หาได้ไม่ยากครับ สะดวกมาก

พัสดุต่างๆ จะไม่ได้ไปกองกันที่ส่วนงานพัสดุ แล้วค่อยรอให้เจ้าหน้าที่เอามาให้ตามคณะต่างๆ แบบบ้านเรา บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าอันไหนดีกว่ากัน เพราะตอนนี้ ที่นี่ก็มีคำเตือนว่าพัสดุต่างๆ ควรแน่ใจว่าปลอดภัยน่ะครับ



รูปอันบนเป็นแผนที่มหาวิทยาลัยน่ะคับ มหาวิทยาลัยนี้ ไม่มีด้านหน้า หรือด้านหลังนะคับ ดังที่บอก ไม่มีรั้ว ทำให้ทุกด้าน เหมือนๆกันหมดเลย ผมก็เลยตัดสินใจว่า จะเริ่มต้นที่กลางมหาวิทยาลัยกันเลย คือ Old Main ครับ

ด้านหน้ามีน้ำพุ ช่วงนี้อากาศที่นี่เริ่มร้อน แดดจัด ก็เลยมีคนมานั่งๆ นอนๆ ทำงานกันกลางแดด ถึงแม้ว่าจะเป็นตึกเก่า แต่ก็ยังมีการใช้งานอยู่ รอบๆ ตึกก็จะเป็นม้านั่ง มีพวกนักศึกษามานั่ง ๆ นอนๆ ทำงานกันเป็นประจำ ไม่ได้เป็นเขตหวงห้ามแต่ประการใด Old Main นี่อยู่กลางๆ ของมหาวิทยาลัยนะคับ



ถัดไปทางด้านหลัง จะเป็นสนามหญ้าเขียวขจี ตอนเย็นๆ จะมีพวกนักศึกษามาอาบแดด เล่นกีฬากันบ้าง หรือมีกิจกรรมต่างๆ รูปนี้ถ่ายจากด้านหลัง Old main จะเป็นสนามหญ้า สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ตอนเย็นๆ ก็มีคนมาเล่นกีฬาเล็กๆ น้อยๆ เช่น เล่นห่วงยาง หรือนั่งๆ นอน เล่นกันเฉยๆ บางทีก็มีวงดนตรีมาแสดงครับ



ผมเดินทวนเข็มนาฬกานะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นอาคารเรียนต่างๆ ไปจนกระทั่ง ถึงอาคารห้องสมุด ที่เรียกว่า main library

ด้านในมีหนังสือเยอะมาก แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปข้างในมา เพราะกลัวโดนว่าน่ะคับ
ด้านในมีคอมพิวเตอร์ให้ใช้เยอะ ส่วนใหญ่นักศึกษาจะใช้หาข้อมูล พิมพ์งาน โดยสามารถสั่งไปที่เครื่องพิมพ์ได้ พอสั่งเสร็จ ก็เดินไปที่เครื่องพิมพ์ เอา Cat Card เสียบเข้าไป แล้วกดสั่งพิมพ์ เงินก็จะถูกหักออกจาก Cat Card ของเราเอง สามารถสั่งพิมพ์จากบ้านก็ได้นะครับ แล้วก็ไปกดปุ่มสั่งพิมพ์ที่ห้องสมุดได้อีกทีครับ หน้าละสิบเซนต์

ห้องสมุดมีหลายที่ครับ แต่ main library จะใหญ่ที่สุด อาคารด้านข้างจะเป็น Science Library ซึ่งจะมีแต่หนังสือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเท่านั้น มีวารสารวิชาการปีเก่าๆ เยอะมาก แต่ปัจจุบันก็ยังเป็นสมาชิกอยู่ แต่สามารถหาได้จาก online ครับ ซึ่งวารสารฉบับที่เป็นหนังสือ จะออกช้ากว่าฉบับที่เป็น online



ด้านหน้าของ main library จะเป็นที่ตั้งของ UA mall ครับ เป็นอาคารใต้ดิน มีทั้งห้องเรียน และก็เป็นที่ตั้งของศูนย์พัฒนาการสอนของมหาวิทยาลัยครับ ผมเคยไป workshop ที่นี่ ในเรื่อง University design คือที่นี่จะให้ความสำคัญกับคนพิการมาก จะมีที่จอดรถโดยเฉพาะ ซึ่งคนทั่วไปเข้าไปจอดไม่ได้ จะเสียค่าปรับอาน พวกทางขึ้นอาคารจะมีทางขึ้นสำหรับผู้ที่นั่งรถเข็น สามารถขึ้นไปได้ ประตูเข้าอาคารจะเป็นลักษณะดึงออกจากตัวอาคาร สำหรับคนพิการจะมีปุ่มเปิดประตูให้ครับ ส่วนเวลาออกจากอาคารจะเป็นการผลักประตูออกไป ผมยังไม่เห็นประตูอาคารที่ใช้ลูกบิดเลยครับ



ถัดจาก UA Mall จะเป็นที่ตั้งของ Flandrau Science Center ครับ เป็นอาคารที่เป็นโดมสีขาว เห็นโดมอันเล็ก เป็นที่ตั้งของกล้องดูดาว ผมเคยไปดูดาวที่นี่ เห็นดาวเสาร์ และก็ดวงจันทร์ไตรตันด้วย พร้อมกับวงแหวนของดาวเสาร์ สวยมากครับ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นด้วยตาตัวเอง คือวันนั้นมีมนุษย์อวกาศ ที่เป็นศิษย์เก่าของของมหาวิทยาลัยบรรยายที่มหาวิทยาลัย พอดีเป็นช่วงวันดาราศาสตร์ด้วย ทางศูนย์ ร่วมกับภาควิชาดาราศาสตร์ เค้าก็จัดงานกันครับ มีกล้องดูดาวมาติดตั้งที่สนามด้านหน้าอาคาร ผมก็ไปดูด้วย มีแต่เด็กๆ ประมาณเด็กประถมครับ มากับผู้ปกครอง ที่นี่ผมได้เป็น Venus (ดาวศุกร์) ลักษณะเป็นเสี้ยว ดาวพฤหัส ดวงใหญ่มาก แต่ไม่เห็นจุดแดง เห็นแต่แถบบรรยกาศ พร้อมดวงจันทร์กาลิเลียน 3 ดวง คือ ไอโอ แกนิมีด และคาลิสโต ส่วนยูโรปาไม่เห็นครับ โดยดาวพฤหัสบังเอาไว้ ใครที่เป็นแฟนของหนังสือชุด space odysee ของ Arthur C Clark คงจำได้นะคับ ว่ายูโรปาสำคัญอย่างไร เล่าในที่นี้เดี๋ยวยาว

ที่ UA นี่ด้านดาราศาสตร์ดังมาก ถึงกับมี Lunar and Planetary laboratory ผมได้เข้าไปคุยกับ Prof ที่นี่ เค้าให้ผมดูแบบจำลองการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์น้อยที่เขียนขึ้นเอง โดยใช้ข้อมูลจากนาซ่า (โอ้ จอร์จ มันเยี่ยมมาก)

เป็นเพราะว่าท้องฟ้าที่นี่เป็นแบบ clear sky แดดจัดตลอดปี ฝนก็ไม่ค่อยตก
กลับไปที่การบรรยายของมนุษย์อวกาศท่านนั้นก่อน เค้าจบวิศวะเคมีที่นี่ ส่งใบสมัครไปที่นาซ่าหลายครั้งมาก ในระยะเวลาประมาณ 4 ปี จนกระทั่งทางนาซ่าตอบรับ ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้แล้วอ่ะ หาข้อมูลไม่เจอครับ จำได้ว่าเค้าไปอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ เป็นเวลา 6 เดือน เพิ่งกลับลงมาได้ไม่นานนี้เอง โดยยานโซยุสของรัสเซียครับ

ในการบรรยาย เค้ามีภาพวิดีโอ การทดลองให้ดูส่วนนึง คือเป็นการทดสอบ Vortex คือเค้าฉีดน้ำออกมา ในสภาพไร้น้ำหนัก น้ำจะไม่ตกลงบนพื้น แต่จะจับตัวเป็นลูกบอลน้ำ เค้าทำลูกบอลน้ำขนาดประมาณ 2 - 5 นิ้วน่ะคับ เอายาลดกรดในกระเพาะ หรือยาทำนองนั้นใส่ลงไป จะเกิดฟองขึ้นภายในลูกบอลน้ำนั้น หรือเอาผลสีขาวใส่ลงไป แล้วทำให้มันวนอยู่ภายในลูกบอลน้ำ น่าสนใจมากคือมันไม่หยุดนะคับ จะตองเอาน้ำใส่ถูงเก็บ อ้อ เค้าแสดงวิธีการดื่มน้ำด้วยตะเกียบด้วย คือน้ำอยู่ในภาวะไร้น้ำหนัก จะจับตัวกันเป็นก้อน หรือลุกบอล ด้วยคุณสมบัติแรงตึงผิวของน้ำ ถ้าหลุดออกจากหลอด หรือถุง มันก็จะลอยไปเรื่อยๆ ไม่มีทิศทาง เค้าก็เอาตะเกียบคีบ แล้วเอาใส่ปาก (บนโลกทำไม่ได้แน่นอน)



© 2005 Thai Student Association | U of Arizona | All rights reserved.
kul (Gift)